3 ประเด็น ปัญญาประดิษฐ์ Disrupted HR Trend

ในยุคที่ เทคโนโลยี นวัตกรรม เข้ามามีอิทธิพลต่อโลกการทำงานทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะกับองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ สถานประกอบการ หรือแม้แต่เหล่าสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในส่วนของการจัดการทรัพยากรบุคคล หรือ Human Resource Development (HR) ที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี นวัตกรรมแห่งยุคอย่าง ‘AI ปัญญาประดิษฐ์’

ปัญญาประดิษฐ์ คืออะไร?

คือ เครื่องจักร (Machine) ที่มีฟังก์ชันที่มีความสามารถในการทำความเข้าใจ เรียนรู้องค์ความรู้ต่างๆ อาทิเช่น การรับรู้ การเรียนรู้ การให้เหตุผล และการแก้ปัญหาต่างๆ เครื่องจักรที่มีความสามารถเหล่านี้ก็ถือว่าเป็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) นั่นเอง

บทบาทของปัญญาประดิษฐ์ กับงาน HR

ในยุคที่เทคโนโลยีนวัตกรรม เข้ามามีอิทธิพลต่อโลกการทำงานทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะกับองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ สถานประกอบการ หรือแม้แต่เหล่าสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในส่วนของการจัดการทรัพยากรบุคคล หรือ Human Resource Development (HR) ที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี นวัตกรรมแห่งยุคอย่าง ‘AI ปัญญาประดิษฐ์’ โดยตรง เพราะในการนำองค์กรไปสู่องค์กรแห่งนวัตกรรม ที่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คนทำงานในฝ่าย HR จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเฟ้นหาพนักงานในบริษัทที่มี DNA ตรงกับวัฒนธรรมองค์กร ไม่ใช่แค่มีความรู้ความสามารถตรงตามตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น ซึ่งในยุคนี้ AI ปัญญาประดิษฐ์ ช่วยได้

และบทบาทสำคัญที่ ‘AI’ มีต่อวงการ ‘HR’
  1. กระบวนการวางแผน : องค์กรจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องมาจากบุคลากรที่มีทั้งประสิทธิภาพ และประสิทธิผล คือการทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด (เช่น เวลา จำนวนคน) ฝ่าย HR จึงจำเป็นต้องวางแผนอัตราการจ้างงานให้ เหมาะสมกับขนาดขององค์กร โดยการนำ AI เข้ามาวิเคราะห์ฐานข้อมูลเดิมขององค์กร เช่น ระยะเวลาการดำเนินงาน ต้นทุนการผลิต รายรับ ภาษี งบประมาณการจ้างงาน การปรับอัตราเงินเดือน การบริหารจัดการด้านสวัสดิการให้แก่พนักงาน นโยบายขององค์กร รวมถึงนโยบายของรัฐบาล เพื่อประมาณการจำนวนบุคลากร อัตราเงินเดือน ให้สอดคล้องกับเนื้องาน คนหนึ่งคนไม่ได้ทำงานมากเกินไปจนทำให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน
  2. กระบวนการสรรหา : ในกระบวนการสรรหาคนเข้าทำงาน ขั้นตอนแรกคือ การกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าสมัคร โดยเทคโนโลยี AI จะช่วยในการคัดกรองผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงกับงาน เช่น คุณสมบัติทั่วไป เพศ อายุ ระดับการศึกษา เป็นต้น แต่ AI มีการวิเคราะห์เชิงลึก ยิ่งไปกว่าการคัดกรองคุณสมบัติทั่วไป นั่นคือ การคาดคะเนแนวโน้มของระยะเวลาที่ผู้สมัครจะทำงานอยู่กับองค์กร ก่อนนำมาเปรียบเทียบเพื่อคัดสรรผู้ที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการขององค์กรมากที่สุด
  3. กระบวนการรักษาพนักงาน : หากพนักงานรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า จะทำให้เกิดความรักและผูกพันธ์กับองค์กร ซึ่งเป็นเรื่องที่ HR ต้องคอยประเมินผลของแผนงานบริการทรัพยากรบุคคล (กระบวนการที่ 1) เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของบริษัทอยู่เสมอ และการเสริมแรงทางบวกด้วยการจัดอบรม/สัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงาน รวมถึงการสร้างแรงจูงใจ การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของพนักงาน เช่น การใช้ AI วิเคราะห์ไลฟ์สไตล์ของพนักงาน เพื่อจัดอบรม/สัมมนาในเรื่องที่พนักงานสนใจ การใช้ AI ในการตรวจสอบประเภทและอัตราการลา มาสาย หรือขาดงานของพนักงาน เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของพนักงานที่จะอยู่ต่อหรือลาออก หรือเพื่อปรับมาตรการในการทำงาน

‘ AI ปัญญาประดิษฐ์นี้ สร้างประโยชน์ให้มนุษย์มากมาย ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงานคน และมีความแม่นยำสูงด้วย สามารถใช้กระบวนการคิดในเรื่องซับซ้อนได้ ทำให้สามารถตัดสินใจแทนมนุษย์ในเรื่องที่ยากๆได้ และในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการทำธุรกิจกันแล้วด้วย

สาเหตุที่ต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยงาน HR

สาเหตุที่สายงานทรัพยากรบุคคลจำเป็นต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วย ไม่ใช่ด้วยสาเหตุเพียงเพราะหุ่นยนต์สามารถทำงานได้เร็วกว่า หรือประสิทธิภาพดีกว่ามนุษย์เท่านั้น แต่เพราะสายงานนี้เป็นสายงานที่เกี่ยวข้องกับการนำข้อมูล (Data) ไปวิเคราะห์และใช้งาน ไม่ว่าจะในแง่ของการรับคนเข้าทำงาน ประเมินผลงาน หรือหาจุดบกพร่องต่างๆ ในการทำงาน

กระบวนการประเมินผลงาน (Performance Review) เป็นหนนึ่งในภาระหน้าที่สำคัญของ HR เพราะเกี่ยวเนื่องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน ทั้งการปรับเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง พัมนาทักษะเพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งพิจารณาให้ออกงาน แต่ในความเป็นจริง ผลสำรวจและงานวิจัยหลายชิ้นกลับชี้ไปทางตรงข้าม อย่างผลสำรวจอย่าง Mercer บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดหางานที่ชี้ว่า มีบริษัทเพียง 2% เท่านั้นที่รู้สึกว่ากระบวนการประเมินผลงานที่ใช้อยู่นั้นมีประสิทธิภาพ ขณะที่รายงานจากบริษัทคอนซัลท์ McKinsey ก็เผยว่าบริษัทกว่า 2 ใน 3 ได้เปลี่ยนแล้วหรือกำลังจะเปลี่ยนรูปแบบการประเมินผลงาน ด้วยเหตุผลด้านความเป็นธรรม

ด้วยเหตุที่การประเมินผลงานมักมีประเด็นเรื่องอคติ ความชอบ หรือไม่ชอบใจรวมถึงการเมืองภายในเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้หลายบริษัทเริ่มนำปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาเป็นตัวช่วยในการประเมินผลงานของพนักงานแล้ว อย่างกรณีของ IBM และที่น่าสนใจคือวิธีการของ IBM ไม่เพียงแค่นำผลงานที่ทำสำเร็จ และล้มเหลวในอดีตมาเป็นตัวชี้วัดเท่านั้น แต่ยังประเมินถึงแนวโน้มผลงานในอนาคตด้วย

3 ประเด็น ปัญญาประดิษฐ์ Disrupted HR Trend
  1. ข้อมูลของพนักงาน นำไปคาดการณ์อนาคตขององค์กรนั้นได้ ด้วย Big Data & AI

Employee Management System หรือระบบการบริหารจัดการข้อมูลพนักงานแบบใหม่ ที่หลายองค์กรใช้ จะสามารถจัดการฐานข้อมูลพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างอัตโนมัติ ทั้งนี้ การบริหารจัดการนี้รวมถึงการจัดการการลา และการเข้างานประจำปีผ่านสเปรดชีตให้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

  1. ซอฟต์แวร์ HR Tech ตัวช่วยให้การสรรหารวดเร็ว แม่นยำ แถมลดต้นทุนได้ด้วย

เนื่องจากบริษัทต่างๆ เริ่มให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการปรับเอา AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการสรรหาคนให้ง่าย รวดเร็ว แม่นยำ และมีต้นทุนที่ลดน้อยลง

  1. จัดเก็บข้อมูลมหาศาลของ HR ไว้บนคลาวด์ เข้าสู่ยุค Paperless แบบเต็มตัว

เทคโนโลยีการทำงาน การประมวลผล และจัดเก็บข้อมูลบนระบบออนไลน์ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลในระบบได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า คลาวด์ นั้น จะเข้ามาเปลี่ยนระบบการจัดเก็บข้อมูลมหาศาลของฝ่าย HR ในยุคนี้ โดยทำให้ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตไม่จำเป็นต้องมีฮาร์ดแวร์เครื่องใหญ่ไว้ประมวลผล

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :

Related Posts